วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559

น้องหมีที่รัก


         หมี เป็นลูกของปุย ซึ่งปุยเป็นหมาที่ถูกเจ้าของเก่านำมาปล่อย ผู้เขียนรู้จักกับปุยตอนที่เรียนอยู่ป.ตรี ปี 1 ตอนนั้นปุยยังไม่ตั้งท้อง
          พอถึงวันที่ผู้เขียนต้องมาซ้อมรับน้องหอใน ผู้เขียนจึงรู้ว่าปุยตั้งท้อง และใกล้ออกแล้ว ปุยได้ออกลูกจำนวน 6 ตัว ที่ห้องใต้บันไดของหอประชุมที่มหาลัยที่ผู้เขียนเรียนอยู่ ผู้เขียนและเพื่อนได้ย้านปุยและลูกๆไปไว้ที่หอใน เนื่องจากที่หอประชุมเวลาที่ไม่มีคนเข้าไปใช้งานจะถูกปิดไว้ ผู้เขียนกลัวว่าปุยจะออกมาหาอาหารกินไม่ได้
         หลังจากที่ย้ายปุยมาที่หอเสร็จแล้ว ผู้เขียนและเพื่อนได้ผลัดกันมาดูแล ให้อาหารปุย พอลูกของปุยโตพอที่จะกินอาหหารเองได้ ก็มีผู้ใจบุญนำไปเลี้ยง 4 ตัว ซึ่งก็เหลือปุยกับลูกอีก รวมเป็น 3 ตัว ผู้เขียนเลยนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน น้าของผู้เขียนก็ได้ขอปุยและลูกอีกหนึ่งตัวไปเลี้ยง
         ตอนนี้เลยเหลืออยู่กับผู้เขียนเพียง 1 ตัว คือ เจ้าหมี

งานปัจฉิมฯ



          ต่างคนก็ต่างเดินไปตามทางฝันของตน คงได้รวมตัวกันอีกครั้งนะ เดอะแก๊งค์ #คิดถึงจังวันที่กอดคอกันร้องไห้


ทริปแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี


          ทริปนี้เป็นทริปแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี ประจำปี 2559 มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย อ้อแอ้ ตั้ว ฟลุค และผู้เขียน ซึ้งทริปนี้ถือว่าเป็นทริปที่มีทั้ง ความสุข ความเหนื่อย ความฮา และความทรงจำดีๆ และสิ่งที่ประทับใจที่สุดของทริปนี้คือ เดิน เดิน เดิน และก็เดิน #ขอบคุณผู้ร่วมเดินทาง

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

ลักษณะของสุนัขพันธุ์โกลเดน

          วันนี้ผู้เขียนจะพามาคุยเรื่องหมาๆอีกแล้ว วันนี้จะถึงคิวของโกลเดน ซึ่งหลายๆคนคงจะรู้แล้วว่าโกลเดนเป็นสุนัขขี้เล่น เรามาดูกันดีกว่าว่านอกจากขี้เล่นแล้ว ยังมีอะไรในตัวสุนัขพันธุ์นี้อีก



ลักษณะของสุนัขโกลเด้น รีทรีฟเวอร์

           ดูจากสีขนที่เหลืองเป็นสีทองไปทั้งตัว ประกอบกับใบหน้ากว้างและดูปราดเปรียวแล้ว ลักษณะทุกอย่างของสุนัขพันธุ์นี้ส่อให้เห็นถึงท่าทีอันสุภาพเป็นมิตร สุนัขพันธุ์นี้จึงเป็นที่นิยมไปทั่วทุกมุมโลก รูปร่างอันงดงามของโกลเด้น รีทรีฟเวอร์นั้นใช่ว่าจะสวยแต่รูปก็หาไม่ ความสามารถของมันนั้นไม่เบา ไม่แพ้พันธุ์เก็บนกชนิดอื่นๆ หรือพวกพันธุ์สแปเนี่ยลตัวเป้งๆ ในระหว่างฤดูหนาวของแคนาดาซึ่งหนาวใช่ย่อย มันก็ยังลุยเก็บนกเป็ดน้ำได้อย่างสบาย
          โกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขขนาดใหญ่ที่มีความคล่องตัวสูง เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาดมากมากจนสามารถนำมาฝึกเพื่อใช้งานได้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนาดไม่เล็กหรือไม่ใหญ่จนเกินไป จัดว่าเป็นสุนัขที่มีประสาทสัมผัสดีเลิศทั้งในด้านของการฟังเสียง การดมกลิ่นสะกดรอย นอกจากนี้ยังมีสายตาอันเฉียบคมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้วงการทหารและตำรวจในหลายๆ ประเทศจึงได้นำสุนัขพันธุ์นี้มาฝึกเพื่อไว้ช่วยงานราชการ อาทิเช่น ตรวจค้นยาเสพติด, ดมกลิ่นสะกดรอยคนร้าย, ยามรักษาความปลอดภัย แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด ก็เห็นจะได้แก่ฝึกให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด ทั้งนี้เพราะโกลเด้น รีทรีฟเวอร์เป็นสุนัขซึ่งฉลาด แต่ไม่ค่อยเจ้าเล่ห์หรือซุกซนเหมือนสุนัขบางพันธุ์
          สำหรับในด้านของสายพันธุ์ ในยุคสมัยแรกๆ โกลเด้น รีทรีฟเวอร์จะมีสีเฉพาะสีทองหรือสีน้ำตาลออกไปทางเหลือง ( ซึ่งก็มีด้วยกันหลายเฉด ) แต่พอมาในช่วงหลังๆ ก็ได้เกิดสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีขนสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลไหม้ ซึ่งสีนี้ก็เป็นสีที่นิยมมากพอสมควรทั้งในยุโรปและอเมริกา เนื่องจากเป็นสีที่แปลกใหม่
          ลักษณะทั่วไป : โครงสร้างได้สัดส่วน และดูแข็งแกร่งทรงพลัง เป็นสุนัขที่มีความกระตือรือร้นตลอดเวลา ค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ส่งเสียงโดยไม่มีเหตุผล มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ
          เป็นสุนัขที่มีนิสัยค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกๆ คน ดังนั้นจึงสามารถพาไปไหนมาไหนโดยไม่สร้างปัญหา มีความเฉลียวฉลาด ว่านอนสอนง่าย เป็นสุนัขที่มีความปราดเปรียวและอดทน ลีลาในการย่างก้าวหรือไหวเป็นไปด้วยความนิ่มนวล 
          อุปนิสัย : มีความกระตือรือร้นตลอดเวลา ค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่ส่งเสียงโดยไม่มีเหตุผล มีขนาดปานกลาง ไม่เทอะทะเก้งก้างจนดูเกะกะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : 
https://sites.google.com/site/koldenrithrifwexr/laksna-khxng-kolden-ri-thrif-wexr

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

ความสูญเสีย

         
          เมื่อวันที่ 21 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ผู้เขียนได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก นั่นก็คือมารดาของผู้เขียนเอง
          มารดาผู้เขียน เริ่มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อประมาณวันที่ 10 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 และเริ่มเข้ารักษาตัวที่ โรงพยาบาลสว่างวีระวงศ์ เมื่อเช้าวันที่ 18 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 จะได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลวารินชำราบในเย็นวันเดียวกัน ทางแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคฉี่หนู
          เช้าวันที่ 19 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ทางโรงพยาบาลวารินชำราบ ได้ส่งตัวมารดาผู้เขียนไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มารดาของผู้เขียนได้รักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU ไม่สามารถรับประทานอาหาร และหายใจเองได้ แต่ยังสามารถสื่อสารกันผู้เขียนและญาติๆได้
          เช้าวันที่ 21 เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 ผู้เขียนได้เดินทางกลับมหาวิทยาลัย เพื่อกลับมาทำหน้าที่นักศึกษา เวลา 12.00 น. ผู้เขียนได้โทร.สอบถามอาการของมารดากับบิดา ก็ได้ทราบว่ามารดาจะรับประทานอาหารได้ และได้ออกจากห้อง ICU
          เวลา 14.00 น. ผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากบิดา ให้กลับบ้านด่วน เนื่องจากมารดาได้เสียชีวิตแล้ว ในเวลา 13,52 น.
          ถึงแม้ว่าผู้เขียนและบิดาจะสูญเสียคนในครอบครัวที่เป็นที่รักยิ่งไปแล้ว แต่ภายในใจของผู้เขียนและบิดายังคงคิดถึง และรู้สึกว่ามารดาของผู้เขียนยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆไม่เคยหายไปไหน ถึงแม้จะอยู่คนละภพ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าความรักความห่วงใยที่มีให้กัน สามารถสื่อถึงกันได้เสมอ


ถึง คุณแม่ดาวมณี คูณคง(มารดา)
จากคุณพ่ออุด กันยามา(บิดา) และนางสาวพิมพ์จันทร์  กันยามา(บุตรสาว)

Staffรับน้องหอใน59


     เมื่อปลายเดือนสิงหาคน ปี 59 ที่ผ่านมา ผู้เขียนและเพื่อนๆ ได้มีโอกาสร่วมเป็นStaffรับน้องหอใน ปี 59 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ ซึ่งผู้เขียนได้อยู่ฝ่ายพยาบาล และฝ่ายปลุกน้อง มีหน้าที่ดูแลน้องๆขณะที่อยู่ในช่วงรับน้อง และปลุกน้องในตอนเช้าเพื่อมาทำกิจกรรมออกกำลังกาย และกิจกรรมต่างๆที่ทางหอในได้จัดขึ้น


ทีมสันทนาการสาขา

          เมื่อวันที่ 11 เดือนกันยายนที่ผ่านมา คณะครุศาสตร์ สาขาภาษาไทย ซึ่งเป็นสาขาที่ผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่ ได้มีการรับน้องภาษาไทยรุ่นที่ 7 และตัวผู้เขียนเองได้ร่วมเป็นฝ่ายสันทนาการต้อนรับและให้ความบันเทิงแก่รุ่นน้องภาษาไทย



วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

ทีมฉาก

     งาน Super teacher mode. ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ 4 คนนี้เรียกได้ว่าเชียร์ใกล้ชิดติดขอบเวทีมากกกกกกกก #ทีมฉากครูไทย

ความหมายของชื่อ


          วันนี้ผู้เขียนจะมาอธิบายชื่อของผู้เขียน ว่าทำไมผู้เขียนถึงมีชื่อแบบนี้
          ผู้เขียนมีชื่อว่า นางสาวพิมพ์จันทร์  กันยามา ซึ่งชื่อของผู้เขียนนี้ ยายเป็นคนตั้งให้ ส่วนนามสกุลใช้นามสกุลของพ่อ พิมพ์จันทร์ หมายถึง ผู้งามเหมือนพระจันทร์ (หมายถึงความสว่างนะ ไม่ใช่พื้นผิว555) ผู้เขียนได้ถามยายว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ให้ ยายบอกว่า แม่เป็นดาว ลูกก็ต้องเป็นจันทร์สิ แต่เหตุใดชื่อเล่นของผู้เขียนถึงชื่อพิม??...




วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

เฟรนซ์ บูลด็อก

          เนื่องจากผู้เขียนชื่นชอบการเลี้ยงสุนัข วันนี้ผู้เขียนเลยจะขอยกเอาเรื่องหมาๆมาเขียนบล็อกอีก ซึ่งวันนี้ผู้เขียนจะขอสายพันธุ์เฟรนซ์ บูลด็อก มาเล่าสู่ฟัง



มาตราฐานสายพันธุ์


-ลักษณะ : French Bulldog เป็นสุนัขพันธุ์เล็กน้ำหนักไม่เกิน 28 ปอนด์ หน้าเหมือน Bulldog ทั่วไป ริมฝีปากหนา จมูกหักสั้นเข้าไปด้านใน นัยน์ตาสดใส ลักษณะพิเศษคือใบหูเหมือนค้างคาว ซึ่งไม่มีสุนัขพันธุ์ใดใน โลกนี้เหมือนเขา
-อุปนิสัย : ฉลาด ร่าเริง ตื่นตัวอยู่เสมอ จะเห่าและขู่บ้าง แต่มีความเป็นมิตรชอบทำตัวเป็นเจ้าของบ้านมากกว่าเป็นผู้อารักขา พร้อมที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก แมว และสัตว์อื่นๆ มีนิสัยขี้เล่น ร่าเริงรักเด็กขนาดใกล้เคียงกับ Pug และ Boston Terrier
-ศีรษะ : มีขนาดใหญ่คล้ายทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกะโหลกระหว่างหูค่อนข้างแบน
-หน้าผาก : มีลักษณะโค้งเล็กน้อย แก้มมีกล้ามเนื้อชัดเจน
-หู : มีลักษณะเหมือนหูค้างคาว โคนหูใหญ่ ค่อนข้างยาว ปลายหูกลม โคนหูอยู่ค่อนข้างสูง
-ตา : มีสีเข้ม ขนาดปานกลาง ตาค่อนข้างกลม ตาค่อนข้างห่างจากหู ตาไม่ลึกหรือโปน
-ดั้งจมูก : มีมุมหักชัดเจนทำให้มีหลุมลึก
-ปาก : มีลักษณะกว้างและลึก มุมปากเหนียงและค่อนข้างหนา กรามแข็งแรงขณะหุบปากไม่เห็นฟันยื่นออกมา
-จมูก : มีลักษณะสั้น รูจมูกกว้าง จมูกมีสีดำ หรือสีจาง ขึ้นอยู่กับสีของขน
-ฟัน : แข็งแรง ขบแบบ UNDERSHOT
-ลำตัว : มีลักษณะสั้นกลม เส้นหลังโค้ง บริเวณหัวไหล่ค่อนข้างกว้างบริเวณเอวเล็ก
-คอ : มีลักษณะกลมหนา หนังคอบริเวณลูกกระเดือก ค่อนข้างย่น
-อก : กว้างและลึก
-ขาหน้า : มีกระดูกใหญ่ ขาหน้าค่อนข้าสั้น ขาหน้าประกอบด้วยกล้ามเนื้อขา ขาหน้าตั้งตรงขาหน้าทั้งสองห่างกันพอสมควร เท้าหน้าขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด
-ขาหลัง : ประกอบด้วยกล้ามเนื้อขาหลังตรง ห่างกันพอประมาณข้อเท้าหลังอยู่ในระดับต่ำ เท้าหลังมีขนาดพอเหมาะนิ้วเท้าชิด เท้าหลังใหญ่กว่าเท้าหน้าเล็กน้อย
-หาง : โคนอยู่ในระดับต่ำ หางตรงหรือเป็นเกลียวได้ หางค่อนข้างสั้นขน-สี : ขนสั้นนุ่ม ขนมีหลายสี เช่น น้ำตาล ขาว น้ำตาลขาว หนังค่อนข้างย่น
-น้ำหนัก : ชนิดเล็กมีน้ำหนักน้อยกว่า 22 ปอนด์ ชนิดใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 22-28 ปอนด์
-ข้อบกพร่อง : หูไม่เหมือนค้างคาว สีดำ-ขาว สีดำ-น้ำตาล ตามีสีไม่เหมือนกัน น้ำหนักเกิน 22 ปอนด์

หลากหลายเหตุผลที่คุณไม่ควรจะเลี้ยง เฟรนซ์ บูลด๊อก 
     1. พวกมันเป็นสุนัขที่ตดเหม็นที่สุดในโลก 555เราไม่พูดถึงปริมาณการตดต่อสัปดาห์ เรากำลังพูดถึงปริมาณการตดทุก ๆ ครั้งที่มันกินอาหารอันนี้จริงป่าว ไม่รู้ รอ เจ้าของ เฟรนซ์ชี่ มายืนยันด้วย 
     2. มันผลัดขนไม่น้อยเลย หลาย ๆ คนคิดจะเลี้ยงเจ้า เฟรนซ์ชี่ เพราะว่ามันขนสั้น แต่พวกเค้าไม่รู้หลอกว่า เฟรนซ์ บูลด๊อก
เป็นสุนัขขนสั้นที่ขนร่วงง่ายๆๆๆๆๆ มากๆๆๆๆๆๆ พวกมันผลัดขนตลอดปี ซึ่งขนมันจะติดตามพื้นพรมตามเฟอร์นิเจอร์ หรือในรถของคุณ หรือแม้แต่ร่วงติดเสื้อผ้าของพวกคุณ เวลาที่คุณอุ้มพวกมันในอ้้อมแขน ด้วยความรักอย่างสุดซี้ง อิอิ ทำให้พวกคุณต้องปวดหัวที่จะต้องมาคอยทำความสะอาดสิ่งของเหล่านี้ นอกจากที่จะต้องดูแลเจ้า เฟรนซ์ชี่ สุดรักแล้ว 
     3. พวกมันซนสุด ๆ ถ้าคุณกำลังมองหาสุนัขนิ่ง ๆ เรียบร้อย ๆ สงบ ๆ มาเลี้ยงเป็นเพื่อน หาพันธ์อื่นได้เลย เฟรนซ์ชี่ ไม่เหมาะพวกมันซนสุด ๆ ขอบอก วิ่งเล่น สนใจสิ่งรอบข้างตลอด บางที่อาจจะวิ่งขึ้นไปปีนป่ายบนตัวคุณในขณะที่คุณกำลังนอนพักอยู่ก็เป็นได้ 
     4. น้ำลายไหลโดยไม่รู้ตัว เวลากินข้าวหรือน้ำก็ะจะเลอะเทอะ 
     5. เฟรนซ์ บูลด๊อก เป็นสุนัขที่ป่วยบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบการหายใจ อาการแพ้ หายใจไม่ทัน ปัญหาเรื่องข้อกระดูกและระบบประสาท ปัญหาเกี่ยวกับสายตา ฯลฯ คุณต้องเตรียมใจที่จะจ่ายค่ารักษามันด้วย
     6. ไม่อยากจะบอกเลยว่า เฟรนซ์ชี่ ชอบทานอึ เป็นเรื่องปกติของเจ้า เฟรนซ์ บูลด๊อก เลยก็ว่าได้ ที่คิดว่า อึเป็นของงว่างชั้นเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นอึตัวเองหรืออึแมว 
     7. เป็นสุนัขที่แพ้ง่ายเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพของเจ้า เฟรนซ์ชี่ เลยก็ว่าได้ พวกมันแพ้ได้ทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำยาทำความสะอาด แชมพู สภาพแวดล้อมต่าง ๆ บางตัวก็สามารถควบคุมได้ง่าย บางตัวก็ต้องทำการรักษากันไปอย่างต่อเนื่อง 
     8. พวกมันช่างเล็กน่ารักแต่ดื้อสุดๆ ขออภัยที่ต้องยกตัวอย่าง คำโบราณที่บอกว่า "โง่เหมือนควาย" 555 เจ้าเฟรนซ์ชี่ ตามชื่อของเจ้าเฟรนซ์ชี่เต็ม ๆ คือ French Bulldog เห็นยังมีคำว่า Bull อยู่ในชื่อมันด้วย 
     9. จอมทำลายพวกมันเป็นตัวทำลายชั้นเยี่ยม พวกมันวิ่งพร่านไปทั่วบ้าน อึตรงนี้ ฉี่ตรงนั้น รื้อข้าวของ กัดแทะ อยากรู้อยากเห็น 
     10. อย่าไว้ใจพวก เฟรนซชี่ อย่าปล่อยมันไว้เพียงลำพัง อย่างที่บอก พวกมันเป็นจอมทำลาย อยากรู้อยากเห็น กัดแทะ รื้อข้าวของกระจุยกระจายและไม่ยอมเก็บเข้าที่อีกตังหาก ถ้าคุณคิดว่าพวกคุณรับมือกับพวกมันได้ก็ลุยเลย ขอบอกว่า "พวกมันน่ารักสุด ๆ และปัญหาที่กล่าวมานี้จะทำให้คุณหลงรักมันมากยิ่งขึ้น "หลากหลายคำถามเกี่ยวกับ เฟรนซ์ บูลด๊อก เฟรนซ์บูลด๊อก ชอบเห่าอะป่าวไม่เลย บางครั้งเลี้ยงมา 6 เดือนแล้วยังไม่เคยได้ยินมันเห่าซะกะแอะเดียว พวมกันจะเห่าก็ต่อเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติหรือกำลังตื่นเต้นอะไรบางอย่าง

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://thedogth.blogspot.com/2013/10/french-bulldog.html

โรคซึมเศร้า

          ในโลกปัจจุบัน เป็นโลกที่คนเราสนทนากันผ่านตัวอักษร มากกว่าการเผชิญหน้ากัน ทำให้มีคนบางคนเกิดอาการเหงา ซึมเศร้า ซึ่งนานๆไปมันก็อาจจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า เนื่องจากการคุนผ่านตัวอักษรนั้น ทำให้ความรู้สึกบางอย่างมันขาดหาย ผู้เขียนเองก็เหมือนกัน แม้ว่าตอนที่อยู่กับผู้คนมากมาย ผู้เขียนอาจจะดูเฮฮา แต่เมื่ออยู่คนเดียวแล้ว ผู้เขียนกลับรู้สึกเหงา เศร้า ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ท่านใดที่รู้สึกเหมือนผู้เขียน เรามาดูสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแบบนี้กันเถอะ

โรคซึมเศร้า โรคทางจิตเวชที่ต้องรีบรักษา
ขอบคุณรูปภาพจาก : http://wm.thaibuffer.com/o/u/narongsak/Health/info-_02_4.png

โรคซึมเศร้าคืออะไร
                     โรคซึมเศร้าคือโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่ง ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด ซึ่งอาการเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสุข มีแต่ความวิตกกังวล จึงต้องได้รับการรักษาโดยเร็วด้วยการปรึกษาจิตแพทย์


สาเหตุของโรคซึมเศร้า
 

          โรคซึมเศร้าคือโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมองชื่อ เซโรโทนิน(Serotonin) มีปริมาณลดลง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการป่วยทั้งร่างกาย จิตใจ และความคิด รู้สึกท้อแท้ หงอยเหงา เบื่อหน่าย ไม่สนุกสนานกับชีวิต นอนไม่หลับ สะดุ้งตื่นกลางดึก ฝันร้ายบ่อยครั้ง ส่งผลกระทบให้ความสามารถในการทำงานลดลง 
          ทั้งนี้ สาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดอาการซึมเศร้ามาจากหลายปัจจัย ทั้งจากด้านกรรมพันธุ์ พัฒนาการของจิตใจ และสิ่งแวดล้อมที่เผชิญ เช่น ประสบกับความเครียดหนัก ๆ เจอมรสุมชีวิต เจ็บป่วยเรื้อรังจนหมดกำลังใจ พบกับความสูญเสียในชีวิต เช่น การพลัดพรากจากพ่อแม่ในวัยเด็ก สูญเสียคนรัก ครอบครัว ตกงาน ปัญหาเรื่องการเงิน ต้องย้ายบ้านกะทันหัน ความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดไม่ราบรื่น และหากเจอกับเหตุการณ์หรือความรู้สึกเหล่านั้นบ่อย ๆ ก็อาจกระตุ้นให้โรคซึมเศร้าเกิดขึ้นได้ รวมถึงปัจจัยทางชีวภาพ เช่น การเปลี่ยนแปลงของระดับสารเคมีในสมองบางตัว ก็อาจส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://health.kapook.com/view3241.html

ประวัติ Nike

          รองเท้าที่เรานิยมสวมใส่ในปัจจุบันนั้น มีหลากหลายยี่ห้อ วันนี้ข้าพเจ้าจึงอยากหยิบยกเอาประวัติของรองเท้า Nike ซึ่งเป็นรองเท้าที่ผู้เขียนชื่นชอบ และเชื่อว่ามีคนหลายๆคนก็ชื่นชอบเช่นเดียวกับผู้เขียน และมีน้อยคนนักที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของไอ้เจ้ารองเท้า Nike นี้
ประวัติรองเท้า Nike

          ปัจจุบันคงจะไม่มีที่ไม่รู้จักรองเท้า Nike อย่างแน่นอน รองเท้า Nike เป็นรองเท้ากีฬาอีกแบรนด์ยอดนิยมที่วางขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ไม่ว่าจะเป็นรองเท้ากีฬา Nike ผู้หญิง หรือรองเท้ากีฬา Nike ของผู้ชาย ซึ่งได้รับความนิยมสูงมาก โดยเฉพาะการใส่ออกกำลังกายเป็นต้น โดยมีคู่แข่งรายหลัก ๆ ไม่กี่รายเท่านั้นเช่น รองเท้ากีฬาจาก Adidas, Puma เป็นต้น แต่รู้หรือไม่ว่าประวัติรองเท้าจากทาง Nike นั้นค่อนข้างที่จะยาวนานพอสมควร
          รองเท้าไนกี้ทีเห็นกันอยู่ในทุกวันนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1948 โดยนายบิลล์ บาวเวอร์แมนซึ่เค้าได้ดำรงตำแหน่งเป็นโค้ชให้กับทางมหาวิทยาลัยโอเรกอน และในช่วงระหว่างปี 1964 – 1970 เขาได้นำทีมที่เขาได้เป็นโค้ชให้เข้าร่วมการแข่งกัน NCAA outdoor championships นอกจากนี้เขายังสามารถนำทีมชาติสหรัฐอเมริกาคว้าถึง 6 เหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิก          ต่อจากนั้นไม่นานเค้าได้บกับนักวิ่งของทางมหาวิทยาลัยโอเรกอนที่ชื่อว่า ฟิล ไนต์ ทั้งสองได้สนทนากันในเรื่องของคุณภาพของรองเท้ากีฬาที่ใช้กันอยู่ ณ เวลานั้น ก่อนที่เวลาในต่อมาประมาณปี 1962 ฟิล ไนต์ได้ทำการค้นคว้าและพบว่ารองเท้ากีฬาที่มีคุณภาพดีนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นของทางสัญชาติญี่ปุ่น และยังเป็นประเทศที่จัดจำหน่ายอุปกรณ์กีฬาในราคาถูกกว่าสินค้าจากทางเยอรมันอีกด้วย ซึ่งถือได้ว่า ณ ตอนนั้นทางด้านเยอรมันคือเจ้าตลาด
          และหลังจากนั้นไม่นานฟิลไนต์ก็ได้ศึกษาจนจบด้านการตลาด (MBA) ซึ่งเขาได้ใช้เวลาในการเดินทางไปรอบโลกและเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น และก็ได้มีโอกาสได้พบกับรองเท้าแบรนด์ดังในประเทศอย่าง Onitsuka Tiger Companyและเขาได้เข้าเจรจาต่อรองให้เข้ามาตีตลาดในประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขานั่นเอง
          ในครั้งแรกไนต์ได้ชื่อแบรนด์รองเท้าที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นว่า “Blue Ribbon Sports” หรือ BRS เนื่องจากเป็นชื่อเดิมของไนกี้นั่นเอง และได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทกับเพื่อนเก่าอย่างบาวเวอร์แมนในนามว่า BRC Inc. โดยทั้งสองแบ่งหน้าที่ออกเป็นไนต์จะดูแลในด้านการตลาด ส่วนทางบาวเวอร์แมนจะดูแลในด้านการออกแบบและคุณภาพของรองเท้ากีฬา          ในปี 1970 ทางด้านบิลล์ บาวเวอร์แมนนได้ทำการออกแบบและทดลองผลิตรองเท้ากีฬาแบบพื้นยางขึ้น จากเครื่องอบขนมวาฟเฟิลซึ่งเป็นของภรรยาเขา ซึ่งเป็นการทดลองและพลิกโฉมและได้เป็นกาเรปลี่ยนแปลงพื้นรองเท้ากีฬาในที่สุด
          1971 บิล บาวเวอร์แมนได้จัดตั้งบริษัทรองเท้ากีฬาขึ้นอีกครั้งโดยใช้ชื่อว่า Nike Inc. ก่อนที่จะเกิดการขัดแย้งกันทางธุรกิจระหว่าง BRS Inc. และ Onitsuke Tiger ทำให้ในเวลาต่อมาทางด้านบริษัท Nike ได้หันมาผลิตรองเท้าวิ่ง Nike เพื่อต้องการการเจาะกลุ่มกรีฑาในโอลิมปิด และจนแล้วที่สุดทางด้านบริษัท BRS Inc. และ Nike Inc. ได้ร่วมกันเป็นบริษัทเดียวกันในที่สุด
          1984 บริษัทไนกี้ถือได้ว่าประสบความสำเร็จขึ้นอีกก้าวหนึ่งด้วยการร่วมงานกับนักบาสเกตบอลในตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน โดดยผลิตที่ได้รับความนิยมและโด่งดังในครั้งนั้นชื่อว่า “Jordan”          1997 ไนกี้ประสบผลสำเร็จในด้านการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายภายใต้ชื่อแบรนด์ว่า “M.J.” ก่อนที่จะแตกออกมาเป็นหลาย ๆ ชื่อด้วยกันทั้ง “12 Star products” ซึ่งยังคงรวมไมเคิล จอร์แดนในฐานะผู้ร่วมแข่งขันอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังประสบผลสำเร็จในด้านแคมเปญที่ชื่อว่า Just Do it. ซึ่งส่งผลมายังปัจจุบันนี้
          ปัจจุบันบริษัท ไนกี้ มีพนักงานอยู่ทั่วโลกประมาณ 23000 คน และมีสำนักงานอยู่เพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น ได้แก่เมืองโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยกีฬาที่ทางบริษัทไนกี้ให้การสนับสนุนและเป็นสปอนเซอร์อยู่นั้นได้แก่ บาสเกตบอล เบสบอล อเมริกันฟุตบอล เทนนิส และยังมีอื่นอีก ๆ มากมาย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : http://adjustive.blogspot.com

ลักษณะของสุนัขพันธุ์ปั๊ก

          ในประเทศไทยของเรานั้น มีสุนัขมากมายหลายสายพันธุ์ และสังคมไทยยังนิยมเลี้ยงสุนัขไว้เฝ้าบ้าน หรือนิยมเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนเล่น วันนี้จึงขอหยิบยกเอาลักษณะของสุนัขพันธุ์ปั๊กมาบอกกล่าว

ลักษณะทั่วไป          สุนัขพันธุ์ปั๊ก เป็นส่วนผสมที่สมบูรณ์แบบของสุนัขตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ดึงดูดให้ต้องหลงใหลทั้งความแข็งแกร่ง และความกล้าหาญ ที่มีอยู่ในปั๊กสุนัขที่น่ารักพันธุ์นี้ ถ้ามีพื้นที่น้อยหรืออาศัยในห้องชุด ปั๊ก จะเป็นคำตอบสำหรับคุณ พวกเขาไร้ซึ่งกลิ่นอับที่อาจพบในสุนัขเล็กพันธุ์อื่น มีขนที่สั้นและไม่ค่อยมีการผลัดขน จึงเป็นสุนัขที่ค่อนข้างสะอาด

ลักษณะนิสัย
          ปั๊ก นั้นโดยส่วนใหญ่จะซน สามารถอยู่ในที่เล็กๆได้หรือสามารถอยู่ร่วมกันหลายตัวได้

การดูแล

          สุนัขพันธุ์ ปั๊ก โดยส่วนมากจะขี้เกียจ ถ้าปล่อยให้อยู่ตามลำพัง หรือไม่มีอุปกรณ์ฝึกเขา ให้พาเขาเดินหรือเล่นเกม โยนของไปให้เขาเก็บทุกวัน แต่อย่าให้เขาออกกำลัง กายหนักๆในช่วงที่ มีอากาศร้อนหรือหลังกินอาหารเสร็จ
          ปั๊ก เป็นสุนัขที่ฉลาด และมีแนวโน้มที่จะดื้อไม่ค่อย เชื่อฟังคำสั่ง ไม่ง่ายเลยที่จะฝึกสุนัขพันธุ์ปั๊ก แต่ก็สามารถฝึกได้ และจะทำให้พวกเขาเป็นสุนัขที่ ดีต่อไป ชมรมผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้หรือศูนย์ฝึก ที่สามารถฝึกสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งจะช่วย แนะนำคุณได้ และจะแนะนำทุกอย่าง ที่เจ้าของสุนัขควรรู้ เพื่อทำให้ ปั๊ก ตัวน้อยเป็นเพื่อนกับเรา ไม่ใช่แค่เป็นสัตว์เลี้ยงผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
          เนื่องจากปั๊กเป็นสุนัขที่ชอบอยู่กับคนดังนั้นเขาจึงเหมาะอย่างยิ่งที่จะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน ปั๊กเป็นสุนัขตัวเล็กๆ ที่แข็งแกร่ง เป็นตัวตลกโดยธรรมชาติและจะทำให้ คุณหัวเราะได้เสมอ พวกเขานอนกรน หายใจเสียงดัง ทำเสียงฟึดฟัดในจมูก หายใจออกแรง และจามใส่หน้าของคุณ

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : https://www.dogilike.com

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

ประวัติหมูกระทะ

          แน่นอนว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน ซึ่งอารหารที่เราอยากรับประทานตอนฝนตกก็คืออะไรที่มันร้อนๆ อุ่นๆที่สามารถคลายหนาวให้เราได้ และอารหารที่คนไทยนิยมรับประทานเพื่อคลายหนาวอย่างหนึ่งคือ เนื้อย่างเกาหลี หรือ หมูกระทะนั่นเอง
          เนื้อย่างเกาหลี หรือหมูกระทะ มีต้นกำเนิดอยู่ในประเทศเกาหลี ในช่วงสงครามแบ่งแยกดินแดน ในวันที่กองกำลังฝั่งเกาหลีเหนือถูกปิดล้อมด้วยกองทหารของเกาหลีใต้ อากาศช่วงนั้นร้อนมาก กลางทะเลทรายเช่นนั้น เหล่าทหารถูกปิดล้อมนอกจากจะต้องทรมานจากสภาพอากาศแล้ว ยังต้องทนกับความหิวโหยอีกด้วย
           ย่างเข้าสู่วันที่ห้า ทหารฝั่งเกาหลีเหนือเริ่มอดตายไปทีละคน พลเอก ปาร์ค จี ซุก ดำรงตำแหน่งนายกองขณะนั้น จึงสั่งให้ทหารช่วยกันจับหมาที่อยู่บริเวณนั้นมากิน คือ  หมากระทุนั่นเอง
            หมากระทุเป็นหมาสายพันธุ์หนึ่งของประเทศเกาหลี พบมากตามทะเลทราย หลายคนเชื่อว่ามันเป็ยสัตว์มีพิษจึงไม่กล้ากิน แต่การที่ต้องอดอยากเป็นเวลา 5 วัน ทำให้กองทหารของฝั่งเกาหลีใต้ทนไม่ไหว ทั้งหมดช่วยกันจับหมากระทุมาแล่เนื้อเป็นชิ้นบางๆ แล้วเอาไปวางบนแผ่นหิน  เดชะบุญแผ่นหินกลางทะเลทรายที่ร้อนจัด  เปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นกระทะอย่างไม่ตั้งใจ เนื้อหมากระทุสุกได้ที่ ส่งกลิ่นหอมไปถึงกองกำลังฝั่งเกาหลีใต้ จนทนไม่ไหวเข้ามาขอร่วมรับประทานกับฝั่งกองทหารเกาหลีเหนืออย่างเป็นกันเอง
             นั่นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ทั้งสองดินแดนได้หันหน้าเข้าหากัน โดยมีหมากระทุเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างชาติ หลังจากเหตุการณ์นั้นเอง  ทำให้ชื่อเสียงของหมากระทุเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ และเมื่อทุกคนได้รู้ว่าหมากระทุไม่มีพิษ และสามารถกินได้ หมากระทุจึงถูกล่ามาประกอบ
อาหารอย่างกว้างขวาง เพราะมันสื่อถึงการสังสรรค์ของมิตรแท้
              จนหมากระทุมีจำนวนลดลงจนน่าใจหาย  รัฐบาลเกาหลีจึงให้หมากระทุเป็นสัตว์สงวน อนุรักษ์ คุ้มครอง ในปัจจุบันหมากระทุมีจำนวนไม่ถึง 10 ตัวถือเป็นสัตว์หายาก เมื่อเป็นเช่นนั้นชมรมคนชอบกินหมากระทุจึงหันไปกินเนื้อหมูแทน แล้วเปลี่ยนชื่อจากหมากระทุมาเป็นหมูกระทะ จนถึงทุกวันนี้ (ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.ranthong.com)



ขอบคุณรูปภาพจาก http://img.tnews.co.th